Gender Dysphoria และกระบวนการแก้ไขอัตลักษณ์ทางเพศ


ตลอดเดือนที่ผ่านมานี้กับบรรยากาศ Pride month ทางคลินิกได้นำเสนอสาระน่ารู้ที่น่าจะทำให้หลายๆคนมีความเข้าใจความหลากหลายทางเพศกันมากขึ้น ซึ่งทุกคนคงจะพอมองเห็นภาพได้ว่าความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องปกติ เป็นความสวยงามของโลก แต่สำหรับบางคนที่เกิดมาโชคร้าย มีเพศสภาพทางจิตใจที่ไม่สอดคล้องกับสภาพร่างกายที่เป็นมาแต่กำเนิด คนเหล่านี้คงมีความน่าสงสารมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในร่างกายที่ไม่ใช่ตัวตนของตนเอง ทุกวันต้องทนเห็นอวัยวะบางอวัยวะที่ตัวเองรู้สึกรังเกียจ ไม่อยากให้มีมันอยู่ในตัวเลย ยังไม่รวมถึงการที่ถูกกดดันคาดหวังจากสังคมให้ปฏิบัติตัวไปตามเพศสภาพที่ลักษณะภายนอกของร่างกายเป็นเช่นนั้น

ในอดีตเรามีมุมมองต่อคนกลุ่มนี้แตกต่างไปจากในยุคปัจจุบันค่อนข้างมาก แพทย์ในบางยุคบางสมัย มีมุมมองว่าควรจะแก้ไข “จิตใจ” ให้สอดคล้องกับ “ร่างกาย” ที่เป็นอยู่ จึงมีวิธีการรักษาคนกลุ่มนี้ในรูปแบบที่ดูน่ากลัวในมุมมองของคนยุคเรา เช่น การรักษาด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าช็อต หรือ การฉีดฮอร์โมนบางอย่างเข้าไปเพื่อหวังให้มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่มักนำมาสู่ความทรมานทางจิตใจ และร่างกายของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ถึงขึ้นที่เรียกได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมเลยทีเดียว ใครที่สนใจเรื่องนี้สามารถติดตามชมได้ในภาพยนต์เรื่อง Imitation Game ซึ่งสร้างจากเรื่องราวในชีวิตจริงของยอดนักคณิตศาสตร์ ชื่อ Alan Turing

ภาวะ Gender Dysphoria นี้ มีเกณฑ์ในการวินิจฉัยดังนี้

1. ผู้ป่วยมีความรู้สึกขัดแย้งกันระหว่างเพศสภาพที่ตนเองรู้สึกหรือแสดงออก กับเพศสภาพซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด ซึ่งความรู้สึกขัดแย้งหรืออึดอัดใจนี้อาจแสดงออกมาได้ในลักษณะดังต่อไปนี้ คือ

  • มีความรู้สึกขัดแย้ง ไม่พอใจต่อลักษณะทางกายภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของเพศสภาพที่มีมาแต่กำเนิด เช่น รู้สึกอึดอัดกับการมีอวัยวะเพศ หรือ บางคนอาจจะรังกียจการที่ตนเองมีหนวดเครา หรือมีหน้าอก เป็นต้น
  • มีความรู้สึกที่อยากจะกำจัดลักษณะทางกายภาพดังกล่าว เช่น อยากกำจัดอวัยวะเพศ หรือบางคนอาจจะพยายามที่จะป้องกันไม่ให้ตนเองมีลักษณะทางเพศบางอย่างเพิ่มขึ้นมาอีก เช่น พยายามไม่ให้ตนเองมีหนวดเครา หรือมีหน้าอก
  • มีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะมีอวัยวะหรือลักษณะทางเพศในลักษณะที่ตรงกันข้ามกับที่ตนเองมีมาแต่กำเนิด
  • มีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะเป็นอีกเพศหนึ่งที่ตนเองไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด
  • มีความต้องการที่จะได้รับการปฏิบัติเหมือนอีกเพศหนึ่งที่ตนไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด
  • มีความต้องการหรือสภาพจิตใจเหมือนกับเพศอื่นที่ตนเองไม่ได้เป็นแต่กำเนิด

2. ความรู้สึกทุกข์ทรมานนั้น ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน และการใช้ชีวิตในด้านต่างๆของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ

หลังจากที่มีการวินิจฉัยโดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว สิ่งที่ต้องทำในลำดับต่อไปของการแก้ไขอัตลักษณ์ทางเพศ คือ เรื่องของการเยียวยาทางจิตใจ สิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญจากครอบครัวและสังคม ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก สิ่งที่จิตแพทย์มักจะทำเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ได้แ

  • การวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ การที่เราสามารถระบุตัวผู้ป่วยได้เร็ว เช่น ตั้งแต่วัยรุ่น จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถมีความเข้าใจในตนเอง และปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
  • ทำความเข้าใจกับครอบครัว เพื่อให้พ่อแม่หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมีความเข้าใจในสภาวะที่ผู้ป่วยเป็น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะหากมีบริบทของความเชื่อ วัฒนธรรมหรือแม้กระทั่งข้อห้ามในศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง พ่อแม่บางคนรู้สึกแย่ว่าตนเองเลี้ยงลูกผิดหรืออย่างไร ที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ จิตแพทย์จะมีวิธีการในการอธิบายและสื่อสารกับพ่อแม่ ผู้ปกครองของคนกลุ่มนี้อย่างสร้างสรร และถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันได้
  • การค้นหาโรคร่วม ในผู้ที่มีภาวะ Gender Dysphoria จำนวนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความอึดอัดมายาวนาน หรือถูกกดดันจากสังคมหรือคนใกล้ชิด อาจทำให้เกิดโรคทางจิตเวชอื่นร่วมด้วยได้ เช่น โรคซึมเศร้า หรือการใช้สารเสพติด เพื่อให้ลืมหรือหลีกเลี่ยงกับการเผชิญความทุกข์ใจไปชั่วขณะ ซึ่งโรคร่วมเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์เช่นกัน
  • การให้ความรู้กับตัวผู้ป่วย มีข้อมูลและความรู้หลายอย่างที่คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับข้อมูล โดยเฉพาะจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งดีกว่าที่จะไปได้รับข้อมูลจากช่องทางอื่นที่อาจไม่มีความถูกต้องตามหลักวิชาการ ข้อมูลที่สำคัญที่น่ารู้ เช่น การปรับตัวที่เหมาะสม เพศศึกษาที่สอดคล้องกับความแตกต่างของอัตลักษณ์ทางเพศ การเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาที่จะเกิดขึ้นตามช่วงวัย
  • การให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการแก้ไขอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างคุณหมอหลายสาขา เช่น แพทย์ทางด้านระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrinologist) เพื่อรักษาโดยการให้ฮอร์โมน แพทย์สูตินรีเวช ศัลยแพทย์ เพื่อรักษาด้วยการผ่าตัด เป็นต้น

สำหรับขั้นตอนการรักษาเพื่อแก้ไขอัตลักษณ์ทางเพศนั้นยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ขอยกยอดไปเล่าในโอกาสถัดไปนะครับ อยากจะขอเน้นย้ำอีกทีสำหรับผู้ที่รู้สึกว่าตนเองน่าจะมีปัญหาอันเนื่องมาจากอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง หรือพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่น่าจะเข้าข่ายดังกล่าว อย่ารีรอที่จะรีบมาปรึกษากับจิตแพทย์นะครับ การที่เราเริ่มนับหนึ่งกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง จะช่วยให้เราเดินต่อไป ในเส้นทางของการรักษาภาวะ Gender Dysphoria ได้อย่างเหมาะสม และปลอดภัยทั้งต่อร่างกาย และสภาพจิตใจของผู้ป่วย อีกทั้งยังช่วยให้สัมพันธภาพและความเข้าใจซึ่งกันและกันภายในครอบครัวดีขึ้นด้วยนะครับ



Credit : นายแพทย์จตุภัทร คุณสงค์

ปรึกษาแนวทางการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางและนัดหมายแพทย์

ช่องทางการติดต่อ · โทรศัพท์: 090-959-9304 · LINE: @JOYOFMINDS