จากมือถือสู่มือหมอ: เคสปวดคอที่หมอเจอบ่อยที่สุด

“จากมือถือสู่มือหมอ: เคสปวดคอที่หมอเจอบ่อยที่สุด”

มีคนไข้หลายคนมาหาหมอด้วยอาการปวดคอค่ะ บางคนบอก “หมอ…ก็แค่เมื่อย เดี๋ยวหาย”

แต่พอตรวจจริง ๆ…คออักเสบ กล้ามเนื้อเกร็งสะสม เส้นประสาทเริ่มถูกกดทับไปแล้ว

หนึ่งในตัวการที่หมอเห็นซ้ำ ๆ คือ “มือถือ” ในมือนี่แหละค่ะ เราก้มเช็กไลน์ ตอบแชท เลื่อนฟีดแบบเพลิน ๆ วันละหลายชั่วโมง แต่ทุกครั้งที่ก้ม ศีรษะของเรากำลังถ่วงน้ำหนักลงบนคอมากกว่าปกติหลายเท่า


 

ข้อมูลที่หลายคนไม่รู้

ศีรษะคนเราเฉลี่ยหนักประมาณ 4.5–5 กิโลกรัม

แต่ถ้าก้มคอไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา น้ำหนักที่คอต้องรับจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 20 กิโลกรัม

เท่ากับคุณสะพายกระเป๋านักเรียนหนัก ๆ ตลอดเวลาที่เลื่อนจออยู่

อาการที่หมอเจอบ่อยจากภาวะ Text Neck คือ

•ปวดตึงคอ บ่า ไหล่

•หมุนคอแล้วมีเสียงกรอบแกรบจากข้อต่อและเส้นเอ็น

•ปวดร้าวลงแขน

•ชาหรืออ่อนแรงบริเวณแขน มือ

•บางรายปวดศีรษะร่วมด้วย เพราะกล้ามเนื้อคอเชื่อมกับกล้ามเนื้อท้ายทอย

สิ่งที่น่ากังวลคือ ถ้าปล่อยไว้นาน

กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะปรับตัวเข้ากับ “ท่าก้ม” จนเป็นสภาพปกติใหม่ของร่างกาย

ทำให้แม้จะพยายามนั่งตัวตรง ก็ยังรู้สึกเกร็งและปวดอยู่

โดยในระยะยาวอาจทำให้หมอนรองกระดูกคอเสื่อมเร็วกว่าปกติ หรือเกิดการกดทับเส้นประสาทถาวรได้

หลายคนเลือกแก้ด้วยการนวดหรือกินยา ซึ่งช่วยบรรเทาชั่วคราวเท่านั้นค่ะ

ไม่ได้แก้สาเหตุหลักที่มาจาก “ท่าทาง” และ “พฤติกรรมซ้ำ ๆ” สุดท้ายปัญหาก็วนกลับมาอีก


 

สิ่งที่หมออยากแนะนำให้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้

1.ยกมือถือให้สูงขึ้น ให้ระดับสายตาใกล้เคียงจอ

2.พักยืดเหยียดคอ-ไหล่ทุก 30–45 นาที

3.บริหารกล้ามเนื้อคอและหลังส่วนบน ให้แข็งแรง

4.สังเกตอาการเตือน เช่น ปวดร้าวลงแขน ชา หรืออ่อนแรง → ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ

เพราะคอเรา…มีเพียงชุดเดียว และต้องใช้งานไปอีกหลายสิบปี

อย่าปล่อยให้มือถือทำร้ายจนต้องเจอหมอในวันที่อาการหนักเกินแก้นะคะ


พญ.ปิยมาน งามเจริญรุจี

วิสัญญีแพทย์เชี่ยวชาญด้านระงับปวด

Pain Free Clinic

#ปวดคอ #TextNeck #หมอจิ๊บPainFreeClinic #ปวดคอเพราะมือถือ #ก้มเล่นมือถือ #หมอจิ๊บPainFreeClinic